วันอังคารที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2561

X'MAS JINHWI

X'MAS JINHWI



สามทุ่มนิด ในคืนวันที่ 25 ธันวาคม ผมยืนอยู่หน้าผับแห่งหนึ่งเพื่อรอโต๊ะว่างสำหรับพวกเรา ความหวังริบหรี่ทำให้มีความคิดอยากเปลี่ยนไปร้านอื่น แต่สถานการณ์น่าจะไม่ต่างกับร้านที่พวกเรายืนอยู่ ใครจะรู้ล่ะว่าคืนคริสต์มาสโต๊ะจะเต็มตั้งแต่สองทุ่ม

ผมยืนรออีกประมาณ 20 นาทีเห็นจะได้ เป็นเวลาที่นานกว่าทุก คืนที่เคยรอ แต่ถึงอย่างนั้น เครื่องหัวที่ผมใส่อยู่ก็บังคับให้รอต่อ เพราะคืนคริสต์มาสแบบนี้ต้องฉลองและเมาเท่านั้น ใครไม่ไหวก็ไปก่อนเลยจ้า

เห้ยมึง กูว่าพนักงานหาโต๊ะให้ไม่ได้หรอก แล้วดูที่ยืนรออีกหลายชีวิตพี่จีซองพูดขึ้นหลังจากไปสำรวจพื้นที่ด้านใน

ผมกับเพื่อนอีก 2 คนถอนหายใจเบา มาแล้วก็ไม่อยากกลับนะมึง” 

ไม่ให้กลับหรอก พอดีกูเจอคนรู้จัก ไปแชร์โต๊ะกับเขา พวกมึงโอเคไหมข้อเสนอของพี่จีซองทำให้เราหยุดคิด

คิดเหี้ยไรเยอะ ได้แดกก็พอ โต๊ะไหนล่ะพี่ นำไปเลยเป็นจีฮุนที่ตัดสินใจแทนพวกเรา

ผมพยักหน้าตามนั้น ก็แค่แชร์โต๊ะไม่ได้หารค่าเหล้าซะหน่อย อีกอย่างที่ร้านในวันนี้ก็สั่งปุ้ปจ่ายปั้ป ไม่น่ามีปัญหาเวลาจ่ายเงิน

งั้นตามกูมา โต๊ะอยู่เกือบกลางร้านอ่ะ คนเยอะสัสพี่จีซองอธิบายเล็กน้อยแล้วเดินนำ

ผมจัดเขากวางที่หนีบอยู่บนหัวให้แน่น ระหว่างที่เบียดจะได้ไม่หล่น และจะได้เพอร์เฟคเข้ากับธีมวันนี้ของร้าน

เราเดินตามกันเข้าไปจนถึงโต๊ะที่พี่จีซองบอก เอาจริงก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล เด็กในมหาวิทยาลัยเดียวกันทั้งนั้น เพียงแค่ผมไม่ค่อยสนิท

น้องแดฮวี !!”

คนที่หัวโต๊ะทักผมเสียงดัง ผมยิ้มหวานให้แทนคำทักทาย เพราะผมจำไม่ได้ว่าเคยคุยกับเขาก่อนหน้านี้หรือเขาเป็นใคร

น่ารักจริงว่ะเสียงใครอีกก็ไม่รู้พูดขึ้น

กลายเป็นผมที่ทำหน้าที่เชื่อมสัมพันธ์ระหว่างโต๊ะช่วยพี่จีซอง รายนี้รู้จักคนเยอะเป็นปกติอยู่แล้ว ส่วนพวกเขารู้จักผมได้ยังไงก็ไม่รู้เหมือนกัน 

เราแบ่งโต๊ะกันคนละครึ่ง พวกเขามีกัน 7 คน พวกผมมี 4 คน พี่จีซองนั่งที่หัวโต๊ะฝั่งของเรา ผมนั่งติดกับใครสักคนที่แม้ชื่อก็ไม่ได้ถาม และมีสักคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามผมด้วย ไม่รู้เขาไปไหน

เหล่าเครื่องดื่มน้ำเมาวางลงกลางโต๊ะ ผมเปิดก่อนคนแรกเพราะอดดื่มมาหลายวัน ช่วงก่อนหน้านี้ฝังตัวเองกับหนังสือและการสอบที่มหาโหด ผมถึงบอกว่าจะเมาให้ยับเลย

ปั่ก

เสียงกระแทกรุนแรงดึงสายตาผมขึ้นไปมอง ชายหนุ่มในชุดดำกระแทกแก้วลงฝั่งเขาและกำลังนั่งลง มือข้างซ้ายของเขายกขึ้นเล็กน้อยแทนคำขอโทษ ผมไม่ได้ว่าอะไร หันกลับไปคุยกับเพื่อนและสนใจบรรยากาศรอบตัว

เสียงเพลง เสียงทักทายของดีเจ เสียงโต้ตอบระหว่างกันช่างไพเราะเหลือเกินเวลาที่เหล้าเข้าปาก ผมโยกหัวตามจังหวะเพลงพร้อมกับเพื่อนที่ตั้งใจมาปล่อยกันเต็มที่ ก่อนสายตาจะเผลอไปสบกับคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม

เขามองผมด้วยแววตาที่นิ่งเฉย เหมือนตั้งใจจ้องผมทั้งที่เพื่อนของเขาก็เริ่มจะโยกตัวกันแล้ว ผมทำเป็นมองผ่าน แต่ไม่ว่าครั้งไหนที่เผลอมองไป เขาก็ยังจ้องผมอยู่เช่นนั้น 

เราไม่รู้จักสักหน่อย แล้วคนแบบเขาน่ะ ไม่น่าใช่ประเภทที่เข้ามาเพื่อนั่งเฉย หรอก ผมมองออก

คุณมองอะไรในที่สุดผมก็ถามออกไป

มองเพื่อนร่วมโต๊ะเขาตอบเสียงเรียบ

ผมกระตุกยิ้มเล็กน้อยต้องจ้องขนาดนี้เลยเหรอ แค่ขอแชร์โต๊ะ

ทำไมต้องใส่เขากวางสายตาเขาเลื่อนจากใบหน้าผมขึ้นไปเล็กน้อย แล้วมองหน้าผมเพื่อรอคำตอบอีกรอบ

นี่คริสต์มาส ใคร ก็ใส่ผมทำเป็นมองไปรอบ

เขาไม่แม้จะปรายตามองไปไหน กลับยิ้มมุมปากแล้วยกแก้วเหล้าตรงหน้าขึ้นดื่ม

แล้วทำไมไม่ใส่สีแดงด้วย

คำถามของเขาทำให้ผมหัวเราะเบา ในลำคอคุณยังใส่สีดำเลย” 

เขาหัวเราะในลำคอคล้ายกับผมผมไม่ค่อยอิน แค่มากับเพื่อนเพื่อดื่มเฉย

ผมวางแก้วเหล้าในมือลงบนโต๊ะแล้วขยับเข้าจ้องหน้าเขา เขาไม่ถอยเลยสักนิด ตั้งรับด้วยสายตาที่ซ่อนเสือไว้ด้านในอย่างชัดเจน

ปกติคุณแค่ดื่มงั้นเหรอ

ถ้ามากกว่าดื่ม..” เสียงเข้มเว้นจังหวะแล้วขยับมากระซิบข้างใบหูคุณจะร่วมด้วยไหม

ผมหัวเราะพร้อมขยับตัวกลับเช่นเดิม มองหน้าเขาอีกสักนิด แล้วเผยความในใจร้ายนะ

คุณก็น่าจะพอตัวเหมือนกัน

ดวงตากลมละจากคนตรงหน้าไปหาเพื่อน พวกมันมองหน้าผมสลับกับคนตรงข้าม จีบปากจีบคอทำแซวตามประสาเพื่อนที่รู้กัน

ผมไม่ได้สนใจนัก ในเมื่อเสียงเพลงและแก้วเหล้าเป็นสิ่งที่ผมปรารถนาในคืนนี้ ส่วนคนฝั่งตรงข้าม... เขาจะจ้องหน้าผมต่อก็ตามใจ ไม่ได้รบกวนความสุขของผมสักนิดเลย

เหล้า 1 ขวดที่เราเปิดและมิกเซอร์ที่เราสั่งมาตอนแรกหมดเกลี้ยง เราตกลงเปิดกันขวดที่ 2 แม้จะเริ่มมึน กันแล้ว ผมได้แคร์ที่ไหน เมาแค่ไหนผมก็พาตัวเองกลับได้

เว้นแต่ยอมให้คนอื่นพากลับอะนะ

พอเหล้าขวดที่ 2 ถูกเปิดและพร้อมสำหรับการสังสรรค์ อารมณ์ที่พุ่งพล่านของแต่ละคนเริ่มจะอยู่ไม่นิ่ง เพื่อนผมเริ่มจะทักทายคนอื่นไปทั่ว เริ่มเต้นตามจังหวะเพลง ซึ่งอีกสักนิดผมก็คงยืนขึ้นเต้นกับมัน

เรา 4 คนค่อนข้างเคยชินกับสถานการณ์ในสถานที่แห่งนี้ เราดื่มกันหนัก แล้วก็ปลดปล่อนกันสุดขีด จะมีเพื่อนคนหนึ่งที่ดื่มเบากว่าเพื่อน มีมันไว้แบกกลับบ้างบางครั้ง และมีบ้างที่เราไม่ได้กลับพร้อมกันทุกคน

ผมพักลงมาชงเหล้าให้เต็มแก้ว ปล่อยพวกเพื่อนมันสนุกกันไปก่อน จังหวะนั้นผมเริ่มมองไปรอบ เพื่อนร่วมโต๊ะที่เราขอแชร์ก็เหลือกันอยู่ไม่กี่คน หนึ่งในนั้นก็ยังคงเป็นชายที่นั่งฝั่งตรงข้าม

รอบนี้เขายกแก้วเหล้าขึ้นทักทาย ดูจะช้าไปหน่อยแต่ผมก็ยกตอบ ตามมารยาทผมควรคุยกับเขา และใช่... ผมเริ่มบทสนทนารอบนี้ด้วยประโยคเดิม

ถามจริง จ้องหน้าไม่เบื่อเหรอ

จ้องอย่างอื่นน่าเบื่อกว่า จ้องคุณแทนแล้วกัน

คำพูดของเขาคล่องคอเหมือนใช้เป็นประจำ ผมมองหน้าเขาพลางยิ้มมุมปาก

จ้องนาน คิดเงินนะ

เขากระตุกยิ้มแล้วยกโทรศัพท์ขึ้นมาจะให้ผมโอนพร้อมเพย์หรือเลี้ยงทั้งโต๊ะดีล่ะ” 

ผมล่ะยอมเขาเลย รู้แล้วล่ะครับว่ากำลังคุยอยู่กับเสือร้าย

ปากดีนะ ผมไม่ใช่คนแบบนั้นซะหน่อย

เขาขยับตัวเข้าหาผมเล็กน้อยไม่ได้ดีแค่ปากหรอก อย่างอื่นก็ดี

ผมยันตัวขึ้นจากโต๊ะแล้วขยับเข้าหาเขาอย่างท้าทายถ้าดีไม่เท่า อย่าโม้ดีกว่า

ลองไหมล่ะครับ ผมไม่ชอบคำท้าทายซะด้วยสิ

ก็... พิสูจน์สิ ว่าดีจริงไหม

คำท้าของผมราวกับเป็นคำเชื้อเชิญให้เสือตะปมเหยื่อ เพราะทันทีที่เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้ มือหนาก็กระชับใบหน้าของผมเข้ารับจูบของเขาในทันที

ความร้อนของแอลกอฮอล์ยังไม่เท่าจูบของเขา ริมฝีปากเขาบดขยี้ริมฝีปากผมเหมือนเสือที่หิวกระหาย ผมจูบเขาตอบอย่างท้าทาย ดุนดันเรียวลิ้นเข้าในริมฝีปากร้อนเพื่อชิมรสเหล้าที่เขาชง พร้อม กับแย่งชิงลมหายใจของเขา

แต่มันไม่ง่ายเลย 

เขาจูบเก่งชะมัด

เราผละออกจากกันตอนที่ลมหายใจแทบหมดปอด เขามองหน้าผมพลางยกเหล้าตรงหน้าขึ้นดื่มจนหมดแก้ว กระตุกยิ้มอย่างผู้ชนะ ...ที่เขาคงคิดไปเอง

กลับก่อนเพื่อนอีกแล้วใช่ไหมมึงพี่จีซองหันมาแซว

ผมยกยิ้ม มองไปที่เขาเล็กน้อย แล้วหันมามองพี่จีซองอีกรอบ

คิดว่ามีเรื่องที่ต้องเคลียน่ะพี่” 

ผมกระตุกยิ้มเล็กน้อย ยกเหล้าที่ชงค้างไว้ขึ้นดื่มบ้าง จังหวะนี้เพื่อนปล่อยผมแล้วล่ะครับ และดูท่าว่าพี่จีซองก็รู้จักกับเขาคนนี้ แอบเห็นยิ้มให้เล็ก และไม่มีคำเอ่ยห้ามจากพี่เขาด้วย

คืนนี้คงไม่ได้กลับพร้อมเพื่อนจริง ละนะ

เขานั่งลงที่เดิม คล้ายกับรอให้ผมพร้อม สายตาของเขายังคงจดจ้องอยู่ที่ผม และจังหวะนั้นก็มีคนเดินเข้ามาทักผมพอดี 

สงสัยหมอนี่จะไม่เห็นฉากจูบเมื่อกี้สินะ

สวัสดีครับคนมาใหม่ทักขึ้น

ครับผมตอบเขาด้วยรอยยิ้มแสนหวาน

ขอโทษครับ แต่คุณคงทักผิดคนแล้ว

เสียงอื่นแทรกเข้ามา ผมหันไปมองคนที่ยืนซ้อนหลังและทำหน้าตาจริงจังอยู่ มือหนายกขึ้นโอบไหล่เล็กอย่างชำนาน ผมแอบยิ้มเล็กน้อย 

เอ่อ..”

คนที่เพิ่งทักผมเมื่อครู่เริ่มเข้าใจสถานการณ์ เขายักไหล่ช้า แล้วเดินถอยหลังไป ถึงกระนั้นมือหนาก็ยังโอบที่ไหล่

ผมไม่รู้ว่าเขาเดินอ้อมโต๊ะมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ดูท่าทางเขาก็คงไม่ปล่อยง่าย ด้วย ผมเลยยันตัวเองขึ้นยืน สูดลมหายใจเข้าลึก แล้วพลิกตัวไปหาคนข้างหลัง

คิดไว้แล้วว่าเขาคงขังผมไว้ในอ้อมแขน เพราะสองแขนแกร่งยันตัวเองกับขอบโต๊ะ จ้องหน้าผมไม่วางตา

หึงแล้วเหรอครับผมแกล้งถาม

คุณยังมีเรื่องค้างคากับผมอยู่นะเขาว่าเสียงเรียบ

ผมกัดปากยั่วเขาเล็กน้อย ร่างหนาถึงกับขยับเข้ามาใกล้เพื่อจะจูบอีกรอบชอบโชว์หรือไงคุณ

แค่จูบ ไม่ใช่เรื่องแปลกในที่แบบนี้

แล้วถ้า...”

ไปกับผมตอนนี้เลยสิครับ

เขาถาม แต่เขาไม่ได้ต้องการคำตอบ เป็นเพียงคำบอกเล่าขณะที่ลากผมให้เดินตามออกไป

มือหนาจับกุมข้อมือผมตั้งแต่โต๊ะจนมาถึงลานจอดรถ ผมไม่ได้ขัดขืน ไม่ได้ไร้เดียงสาจนไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไร ก็เพราะว่าผมรู้ ผมจึงมากับเขา

ผใยันมือตัวเองกับประตูรถของเขา ใบหน้าที่ต้องแสงสีขาวในลานจอดรถทอดมาที่ผมอย่างสงสัย

ไม่ใช่บนรถผมพูดเข้าประเด็น

เขายิ้ม จับมือผมออกอย่างระวังผมให้เกียรติคุณอยู่แล้วครับ

เมื่อเขาพูดจบ ผมก็นั่งลงในรถ ร่างสูงวิ่งมาขึ้นฝั่งคนขับแล้วพุ่งตัวไปบนถนนทันที

ผมไม่ได้ถามเขาหรอกว่าจะไปที่ไหน ถ้าอยู่ในรัศมี 10 กิโล ผมก็รู้จักทุกที่ เขาหันมองหน้าผมสลับกับถนน มือหนาเอื้อมมาจับมือผมไปกุมไว้ เขาคงอยากถึงที่หมายเต็มแก่

ผมรอจังหวะที่รถเราติดไฟแดง เป็นฝ่ายโอบคอเขามาจูบ แทรกลิ้นร้อนเข้าแกล้งเรียวลิ้นหนาอย่างซุกซน และก่อนที่ไฟแดงจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ร่างกายผมก็ลอยไปนั่งคร่อมบนตัวเขา

อันตรายนะคุณเขากระตุกยิ้ม

ขับรถไม่แข็งเหรอคุณผมท้าทาย

เขาสลับเกียร์แล้วออกตัวทันที ความเร็วเร่งขึ้นเรื่อย ตามถนนที่ค่อนข้างโล่งในเวลาแบบนี้

ลองจับสิ แล้วจะรู้ว่าแข็งไหม

ผมยิ้มหวานให้เขา กดจมูกลงที่ข้างแก้ม ไล่ลงช้า ไปที่ลำคอแกร่ง เล้าโลมให้ร่างกายเขากระตุกเล่น พร้อม กับฝังร่องรอยของผมบนตัวเขาก่อน 

เขาค่อนข้างขับรถได้ดีทีเดียว จะมีเป๋บ้างที่หน้าขาไปโดนส่วนนั้น เขามองค้อนใส่ผมเพียงวินาที มันอันตรายนั่นแหละ ผมรู้ 

แต่ผมอันตรายกว่า

ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นรถก็แล่นเข้าในสถานที่แห่งหนึ่ง ผมไม่ทันดูว่าเป็นโรงแรมหรือคอนโด เขาวนรถขึ้นชั้นจอดหลายรอบจนขี้เกียจนับ เมื่อจอดรถเรียบร้อย มือหนาก็ดันตัวผมติดกับพวงมาลัยรถ สายตาของเขาตอนนี้พร้อมกลืนกินผมเต็มที่ แล้วริมฝีปากร้อนก็ทับลงมาที่ลำคอผมอย่างร้อนผ่าว

อ่ะ !”

ความเจ็บทำให้ผมร้องออกมา เขาทำรอยไว้แน่ ซึ่งน่าจะเป็นรอยฟัน... 

มือหนาเปิดประตูรถออก อุ้มผมลงก่อนแล้วเขาก็ตามลงมา เพิ่งสังเกตว่ารถที่เขาขับอยู่ 7 หลัก แล้วสถานที่นี้ก็น่าจะเป็นคอนโด

พาทุกคนมาคอนโดเลยเหรอ

ถ้าบอกว่าคุณคนแรก จะเชื่อไหมล่ะ

ชวนขำน่าดู

ดีแล้ว เพราะไม่ใช่

ผมชอบคนแบบเขาอย่างบอกไม่ถูก ผู้ชายทื่อ ที่ร้อนแรงชะมัดนี้มันน่าค้นหา เขารวบมือผมไปสอดตรงหว่างนิ้ว กำมือแน่นแล้วสาวเท้าไปอย่างรีบร้อน 

ลิฟต์ที่เขากดกำลังส่งเราบนชั้น 31 เขากอดผมจากด้านหลัง พรมจูบตั้งแต่ใบหูลงมาถึงลาดไหล่ เขาไม่ได้รุนแรงกับผมเลย แต่ร่างกายผมร้อนไปหมดแล้ว

เขาปิดประตูห้องเสียงดัง เดินผ่านความมืดมาจนถึงห้องนอนแล้วผลักผมลงบนเตียงอย่างใจร้อน เขาเปิดเพียงโคมไฟสีส้มสลัว มองหน้าผมในแสงนั้นแล้วยกยิ้มบาง

เขาทำให้ผมแปลกใจ เพราะยิ้มของเขาตอนนี้ อ่อนโยนผิดจากยิ้มในร้านหรือบนรถเมื่อครู่

กวางตัวนี้ น่ารักนะครับ

เขาทำให้ผมเขิน แต่ก็ไม่อาจรู้ว่าประโยคและรอยยิ้มนั้นมีความหมายยังไงแน่ มือของเขาซุกซน และจูบของเขาร้อนแรงทุกครั้งเมื่ออยู่บนตัวผม

เขาถอดเสื้อของผมออก ถอดกางเกง ถอดทุกอย่างยกเว้นเขากวางบนหัว ผมพลิกเขากลับบ้าง เป็นฝ่ายถอดเสื้อให้เขา ถอดกางเกงให้ทีละชิ้น และสัมผัสกับเนื้อร้อนที่พองขยาย ผ่านผ้าผืนสุดท้ายที่ปดปิดของเขาอยู่ 

ผมก้มลงไปจูบกับริมฝีปากหนา บดขยี้อย่างผู้นำเกมขณะที่สอดมือเข้าใต้ร่มผ้าช้า เขากระตุกเล็กน้อย ขบกัดริมฝีปากผมตามความรู้สึก มือของเขาลูบไล้ต้นขาขึ้นมาจนถึงสะโพกของผม บีบมันช้า จนเต็มกำมือแล้วคลายออก

มือของผมครอบครองส่วนนั้นของเขา มันเต็มกำมือจนแทบกำไม่รอบ อึดอัดอยู่ใต้ร่มผ้าจนน่ารำคาญ ผมถอดปราการด่านสุดท้ายของเขาออก แสงสีส้มสะท้อนแววตาเขามายังตัวผมอย่างคาดหวัง 

ผมก้มลงจูบใต้สะดือของเขา ขยับตัวจูบขึ้นมาทีละนิด พร้อม กับขยับมือในส่วนด้านล่าง เขาหลับตาพริ้ม ผมจูบเบา ที่ข้างแก้ม ไม่รู้เขายังคาดหวังอยู่ไหม แต่ว่าผม...

อ่ะ !”

ขยับลงมาใช้ปากให้เขายิ้มออกแล้วแหละ

มือหนาลูบไล้บริเวณท้ายทอย สอดปลายนิ้วเข้าในเส้นผมของผม เขาไม่ได้กดหรือบังคับให้ผมขยับแต่อย่างใด อาจจะเพราะผมรู้งานและทำให้เขาพอใจจนต้องมองมาด้วยสายตาที่หยาดเยิ้มขนาดนั้น

เขาน่ะเป็นเสือ

ผมก็ไม่ได้ต่างจากเขาหรอก

ร่างกายของเขาอบอุ่นชะมัด แต่ของในนั้นอบอุ่นยิ่งกว่าอีก... ผมถูกพลิกให้ลงไปตามเกม เขามองหน้าผมอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ผมทำลงไป แต่ก็เป็นเขาอีกนั่นแหละที่กดจูบลงมา กวาดต้อนความหวานในปากที่หลากหลาย จนเป็นจูบที่ร้อนแรงและยาวนานจนผมจะขาดใจ 

เขาทำแบบที่ผมทำให้เขา ความรู้สึกของปลายลิ้นชวนให้ผมเคลิ้มจนคล้ายกับลอยอยู่กลางอากาศ มือเล็กจิกลงบนลาดไหล่นั่น ครางลั่นยามเมื่อร่างเบาหวิวเป็นสะสาร

เขาไม่เว้นจังหวะให้ผมได้ทิ้งตัวลงพื้นเลยสักนิด อารมณ์ผมยังลอยเคว้งบนเมฆหมอก เขาพลิกตัวให้ผมนอนคว่ำ ความอบอุ่นทาบทับลงมาในวินาทีหลังจากนั้น เขาก้มหน้ามาจูบผม บดขยี้ริมฝีปากอีกรอบอย่างไม่รู้พอ

มือหนาเอื้อมไปหยิบของจากลิ้นชัก เสียงฉีกกล่องคุ้นหูดีอย่างไม่ต้องเดา เขาโยนของในกล่องสองชิ้นไปไว้ข้าง ส่วนอีกชิ้นเขาคงจัดการมันเรียบร้อย 

บางอย่างกำลังไหลลื่นบนสะโพกของผม ความเย็นทำให้ผมเสียวไปจนสุดปลายเท้า เขาไม่เอ่ยอะไรกับผมหลังจากนั้น ร่างกายของเราต่างหากที่คุยกัน

ความคับแน่นทำให้ผมจิกเล็บลงบนที่นอน ยิ่งเขาดันสะโพกผมขึ้นแล้วรองใต้ท้องน้อยด้วยหมอน สิ่งที่แทนตัวเขายิ่งค้นหาผมได้ลึกขึ้น 

อ่ะ ..อ่ะ !!”

ผมร้อง... ครางออกมาอย่างกั๊กอารมณ์ไม่ไหว เขารู้ว่าจุดอ่อนผมอยู่ตรงไหน แล้วเขาก็แกล้งผมด้วยการเบียดชิดร่างกายเข้าไปซ้ำ

ร่างกายผมถูกเขาควบคุมอย่างสมยอม พลิกร่างขึ้นมาเพื่อมองหน้ากันอีกรอบ แล้วเขาก็ฝังตัวตนเพื่อย้ำให้รู้ ว่าคืนนี้เขาจับกวางได้อยู่หมัดแค่ไหน 

ผมแทบขัดขืนอะไรไม่ได้เลย จังหวะที่เขาอุ้มให้ผมอยู่ข้างบน มือหนายังปลอบผมด้วยการลูบเบา ที่หน้าผาก ผมค้ำมือลงบนหน้าท้องของเขา ขยับเบา ผิดกับที่เขากระทำกับผม

เขาไม่ได้มองดุ แต่เขายิ้มแล้วคอยประคองเอวผมอยู่อย่างนั้น

ร่างกายผมถูกเขาโอบลงไปแนบกับอก เขาแกล้งอ่อนโยนให้ผมตายใจ เพราะหลังจากนั้น ผมก็พูดไม่เป็นภาษาอีกเลย 

มือหนาประคองผมให้นอนราบอีกครั้ง เขาปิดเกมด้วยความดุดัน กระแทกกระทั้นจนนับจังหวะไม่ได้ เขาทำให้ผมลอยกลางอากาศอีกแล้ว แต่คราวนี้เขาโอบกอดผมแทนเมฆหมอกทั้งหมด

คุณเชื่อหรือยังว่าผมไม่ได้ดีแค่ปากเขาถามผมหลังจากเราหายใจเป็นปกติ

ผมไม่ได้ตอบเขาไป มีแต่ความเงียบและลมหายใจเบา ของผมที่พริวไหวบนอกเขา 

และอาจะเป็นเพราะผมไม่ตอบ เหตุการณ์เดิมจึงวนซ้ำอีก 2 รอบ 

จนเกือบเช้า...

เขาจูบเบา ที่หน้าผากผม กระชับผ้าห่มให้ร่างกายของผมอบอุ่น ตอนนั้นผมเกือบจะหลับแล้ว แต่เพราะเขาลุกขึ้นผมจึงคว้ามือของเขาไว้

คุณพักเถอะครับ ผมแค่จะไปหยิบชุดคลุมมาใส่ให้
ผมปล่อยมือเขา แต่ยังมองหน้าอย่างมาคำถาม สายตาของผมทำให้เขานั่งลงข้าง

มีอะไรครับเขาถามเข้าประเด็น

ผมเว้นจังหวะไปเสี้ยววินาทีก่อนจะถามคุณชื่ออะไรเหรอ

เขายิ้ม แล้วลุกขึ้นช้า สองขายาวขยับเดินคล้ายจะเมินคำถามของผม แต่ก่อนจะก้าวพ้นประตูห้องนอน เขาก็หยุดแล้วหันกลับมา

ไว้ครั้งหน้า ผมจะบอกคุณนะครับ

“...”


คุณแดฮวี




.
.
.
.


Merry Christmas naja ^ ^
เอาจริงมันคริสต์มาสนได้ป่าวแก เราก็ไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ ๆ ตั้งใจแต่งมากจนหมดเหล้าไปครึ่งขวดละอ่ะ 55555

ขอให้มีความสุขทุกคนนะคะ

แวะไปคุยกันในแท๊ก #xmasjinhwi ด้วยเน้อ
ไม่อยากแป๊กเลย T T

วันพุธที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2561

เด็กทุนของบลู ทั้งหึง ทั้งหวง

(เนื้อหาเหมาะสำหรับผู้อ่านอายุ 18 ปี โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)



อ่ะ ! ซี๊ดดด....

รอยฟันเล็ก ๆ ขบกัดลงที่คอสวย ขอฝากรอยไว้ตรงนั้น ให้ทุกคนที่ได้เห็นรู้ว่าคนผู้นี้มีเจ้าของแล้ว ที่คอบริเวณใกล้ ๆ กัน ก็กำลังถูกความร้อนของริมฝีปากกดทับลงไป ดูดดึงผิวขาวสวยให้แดงขึ้นจนเป็นจ้ำ เพราะอารมณ์ของบลูตอนนี้ ไม่สามารถจูบเพียงสัมผัสได้อีกแล้ว 

พรึบ ! 

“เดียร์...”

“ไหนบอกว่า ร่างกายของบลู ก็เป็นของพี่ด้วยไงล่ะ”

คำถามถูกตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม ตามด้วยจูบร้อนของเดียร์ทับลงบนริมฝีปากหนา มือเล็กประคองใบหน้าของบลูไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง บังคับทิศทางในองศาที่พอใจ ขณะที่บลูเคลื่อนมือขึ้นโอบกอดร่างเล็กที่นอนทับบนร่างกายเขาให้มั่นคงโดยไม่ขัดอารมณ์

เดียร์ปล่อยจูบนั้นหลังจากรุกล้ำจนพอใจแล้ว ดันตัวขึ้นสบตากับบลูอีกหลายวินาทีแล้วก้มหน้าเขินไปเองซะดื้อ ๆ พอบลูจะพลิกให้เดียร์นอนลงเช่นเดิม ร่างเล็กก็ดันตัวขึ้นนั่งทับหน้าท้องของบลูซะงั้น 

บลูมองดูท่าทางของเดียร์ที่รู้ดีอยู่แล้วว่าไม่ใช่กระดาษเปล่า มือเล็ก ๆ นั้น กำลังแกะกระดุมเสื้อของเขาออกทีละเม็ดอย่างใจเย็น แหวกเสื้อที่ขวางกั้นลงข้างกายช้า ๆ แล้วโน้มตัวลงมาอีกรอ ให้บลูได้จูบหน้าผากเป็นรางวัล 

ลิ้นร้อนที่เคยเป็นฝ่ายถูกต้อนมาตลอด ตวัดนำเกมอยู่บนเนินอกของบลูอย่างผู้ชนะ มือเล็กที่เคยปัดป่ายอย่างไม่รู้จังหวะ ก็กำลังลูบไล้ไปทั่วอกกว้าง แกล้งบีบยอดอกของบลูให้คนใต้ร่างกระตุกเกร็ง แล้วปล่อยมือออกไปสัมผัสส่วนอื่นต่อ

“อ่า..ส์ ! เดียร์”

“นี่แค่... ขอบกางเกงเองนะ”

บลูอยู่ในขั้นอันตรายอย่างเต็มตัว เมื่อปลายนิ้วสวยลากลงมาถึงขอบกางเกงที่บลูสวมใส่ เดียร์ตั้งใจลากวนมันอยู่แถวนั้น แกล้งให้คนด้านล่างกระตุกเล่น และแกล้งนอนทับให้โคนขาสัมผัสส่วนแข็งขืนนั้น โดนมีผ้าบาง ๆ คั่นเพียงชั้นเดียว 

“ชอบแกล้งนักใช่มั้ย”

“อ่ะ อื้ออออ บ..บลู” 

เสียงร้องเรียกชื่อลั่นห้อง เมื่ออยู่ ๆ ร่างสูงก็ลุกพรวดขึ้นมาอุ้มร่างเล็กเปลี่ยนทิศไปที่หัวเตียง ให้แผ่นหลังเล็กอิงอยู่กับหมอนใบใหญ่ แล้วบลูก็โผเข้ามาจูบหนัก ๆ อีกที พร้อมกับถอดกางเกงของเดียร์ออก ให้เหลือเพียงร่างกายเปลือยเปล่าในท่านั่งตรงนี้

เมื่อไม่มีกางเกงแล้ว ก็ไม่มีสิ่งใดมาปกปิดความแข็งขืนที่ชูชันแล้วของเดียร์ มือเล็กพยายามจะดึงผ้าห่มมาปิด แต่บลูก็ดึงออก แล้วจูบแรง ๆ ที่คอให้เดียร์สนใจความร้อนแรงของเขา กลืนกินร่างกายนี้ทีละนิดอีกรอบครอบงำความหวานของยอดอกเม็ดน้อย ๆ กำรอบเอวเล็กนั่นให้เต็มมือ แล้วทิ้งตัวลงเมื่อปลายลิ้นตวัดจนสุดขอบหน้าท้อง

“บลูไม่! อ่ะ ! อ่าส์..!”

ซี๊ดดด...

ใบหน้าสวยเชิดขึ้นตามเสียงซี๊ดในลำคอ บิดเกร็งไปทั้งร่าง เพราะศูนย์กลางร่างกายถูกครอบครองด้วยความอบอุ่นจากปากของบลู... ลิ้นร้อนลากไล้ความแข็งขืนแล้วกลืนความฉ่ำนั้นไปซะหมด ก่อนที่บลูจะขยับให้ร่างกายของเดียร์บิดเร้าหนักขึ้น และต้องการความเร็วมากขึ้นเช้นกัน 

“อื้อ ..! อ่าส์”

“...”

“กะใกล้แล้วบลู อื้อ ... บลู! พะพอ อ่าส์ ขึ้นมา า มาจูบ ... พ พอ. บลู”

“เดียร์....”

“อื้ม !!”

ริมฝีปากหนาทับลงที่ปากของเดียร์อย่างที่เจ้าตัวเรียกหา แล้วโอบกอดร่างหนาไว้ ขณะที่มือข้างที่ไม่เจ็บของบลู ยังคงปรนเปร่อส่วนแกนนั้น สาวชักขึ้นลงตามระดับอารมณ๋ที่พุ่งขึ้นขีดสุด 

“อื้อ อาาส์!!”

“ปล่อยออกมาให้หมดตัวเลยนะ” 

“ทะลึ่ง !”

“หึหึ”

แก้มกลมถูกฟัดไปอีกรอบ เป็นรางวัลเล็ก ๆ ให้บลูก่อน เพราะรางวัลใหญ่จริง ๆ ที่บลูกำลังจะได้ คือร่างกายและความอบอุ่นในร่างกายของเดียร์ตอนนี้ 

บลูยืนขึ้นตรงหน้าเดียร์ ให้มือเล็กช่วยดึงกางเกงนั้นต่ำลงจนถอดออกไปจากกาย ความเป็นชายปรากฎต่อหน้าเดียร์ชัด ๆ แต่บลูไม่อนุญาตให้เดียร์ทำอย่างที่ตนทำให้ เขาเพียงให้มือเล็กนั่นสาวชักสามสี่ครั้ง พอให้พองขยายตัวเต็มที่ ก่อนจะดันร่างเล็กลงนอนราบกับเตียง แล้วบลูจะจัดการเอง...

“บลู .. พรุ่งนี้พี่จะไป...”

“พรุ่งนี้นอนเฉย ๆ ที่ห้องก็พอครับ”

“อ่ะ ! ฮึก ! บ บลู”

เสียงเรียกลั่นดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อบลูเตรียมพร้อมสำหรับสอดใส่ความเป็นชายในช่องสวาท นิ้วยาวสองนิ้วแรกแทรกเข้าไปในความคับแน่น ค่อย ๆ ขยับให้ปากทางคุ้นชิน แล้วเพิ่มนิ้วที่สามตามมาในทันที 

บลูจัดการให้เดียร์พร้อมสำหรับความสุขในคืนนี้ แกนกายที่พร้อมใช้งานสัมผัสกับช่องสวาทอย่างอ่อนโยนและขยับเข้าไปข้างในนั้นช้า ๆ โดนรัดตอดอย่างสุขสม ยอมโดนกลืนกินให้ฝังลึกข้างในนั้นเป็นนาที 

“จะขยับแล้วนะ” 

“ถ้าพรุ่งนี้เดินไม่ได้จะโกรธนะบลู” 

“งั้นจบรอบนี้ จะคิดวิธีง้อล่วงหน้าไว้สักสิบวิธีเลย อ่ะ !”

“อึก ! อ่ะ อ่าส์”

บทสนทนาเล็กน้อยดึงความสนใจของเดียร์ได้ แต่ก็ยังรู้สึกเจ็บ เมื่อบลูขยับแกนกายออกเกือบสุด แล้วดันสะโพกเข้ามาเน้น ๆ รวดเดียว ดวงเรียวถึงกับเบิกกว้าง และเกร็งไปทั้งหน้าท้อง ขณะที่บลูเริ่มจะขยับเข้าออกอีกรอบ และเร็วขึ้นทีละนิด 

จังหวะที่หัวป้านชนกับจุดพิศวาสภายใน ร่างกายเดียร์บิดเร้าอย่างร้อนแรง ความอ้อนแอ้นสะกดสายตาบลูไว้ตรงหน้า เขาขยับสะโพกเข้าออก กระแทกเน้นที่จุดเสียวของเดียร์ แล้วเชยชมภาพสวยงามที่อยู่ตรงหน้า 

ศิลปะ ที่ต้องหาชมจากสตูดิโอที่ไหน หากแต่นอนบิดเร้าอยู่ใต้ร่างเขาในตอนนี้ เอวเล็กที่จับได้อย่างพอดีมือ อกขาวที่แอ่นขึ้นตามความรู้สึก และตาปากที่ครางหวานอย่างเร้าใจ 

พั่บ พั่บ พั่บ 

ดังคล้องกับเสียงผิวสะโพก ที่กระทบกับหน้าขาแกร่งดังขึ้นเรื่อย ๆ ทุกครั้งที่ขยับกาย 

“อ่ะ อ่ะ อ่ะ”

“เร็วขึ้นกว่านี้ได้มั้ย”

“อ่ ะ ! ตา ม ใจ”

“งั้นรอบนี้เสร็จเลยแล้วกัน !”

“อ่าส! !! อ่ะ อ่ะ บลู !!”

“อ่าส์~”

แรงขยับในช่วงสุดท้ายร้อนแรงจนนับจังหวะไม่ได้ ร่างกายเดียร์สั่นสะท้านคล้ายจะฉีกขาดจนต้องหลับตาเพื่อรับแรงสุขที่บลูที่ส่งมา และเมื่อความคับแน่นในช่องสวาทที่มากขึ้น ความอึดอัดที่เป็นสัญญาณบอกก่อนที่ร่างหนาจะขยับช้าลง เพื่อปล่อยความสุขนั้นออกมาให้หมด 

เดียร์ลืมตาขึ้นอีกครั้ง แล้วปล่อยร่างกายให้นิ่งสนิทบนเตียงราบเช่นเคย หอบหายใจรัวราวกับไปวิ่งผลัด ซึ่งเม็ดเหงื่อที่ผุดตรงหน้าผากนั้น บลูเป็นคนจูบซับออกให้เอง 

“บลู~ ง่วงแล้ว” 

“หื้ม”

“ง่วงแล้ว~”

“แค่รอบเด...”

“กอดแน่น ๆ เลยได้มั้ย พี่อยากหลับตอนที่เรานอนด้วยกันครั้งก่อน ๆ”

“กอดแน่น ๆ แล้วจับมือกันทุกเช้าอย่างที่เคย”

“อื้อ”

“ครับ ๆ นอนก็นอนนะ”

“บลูก็จะนอนเลยใช่มั้ย”

“อืม นอนพร้อมกันนี่แหละ จะกอดไปจนเช้าเลย”

“นอนแล้วนะ ฝันดี”

“หลับตาได้แล้วครับ ฝันดีของผม”


........
กลับไปเม้นที่จอยลดา และติดแท๊ก #เด็กทุนของบลู ให้กันด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ : )